ถ้าเอ่ยถึงการทำโฆษณาบน Facebook ในตลาดอินโดนีเซียปี 2025 ตอนนี้ถือว่ากำลังเป็นโอกาสทองสำหรับแบรนด์ไทยที่อยากขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคอาเซียน ด้วยความที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีผู้ใช้งาน Facebook หนาแน่นอันดับต้น ๆ ของโลก การทำโฆษณาแบบครบทุกหมวดหมู่บนแพลตฟอร์มนี้จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก
บทความนี้จะพาไปเจาะลึกเรทโฆษณาแบบเต็มหมวดหมู่ (Full Category Advertising Rate Card) ของ Facebook ในอินโดนีเซีย พร้อมเคล็ดลับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลนี้ให้คุ้มค่าสำหรับแบรนด์และบล็อกเกอร์ใน Thailand โดยอ้างอิงข้อมูลล่าสุด ณ เดือนพฤษภาคม 2025
📢 ภาพรวมตลาดโฆษณา Facebook อินโดนีเซีย 2025
อินโดนีเซียมีประชากรกว่า 2.7 ร้อยล้านคน โดยมากกว่าครึ่งใช้งาน Facebook เป็นประจำ ด้วยความที่คนอินโดนฯ ชอบดูคอนเทนต์วิดีโอสั้นและโพสต์ที่มีการมีส่วนร่วมสูง ทำให้รูปแบบโฆษณาที่เน้น reach และ engagement ได้ผลดีมาก
สำหรับแบรนด์ไทยที่ต้องการเจาะตลาดนี้ การเข้าใจเรทโฆษณา (CPM) ที่แตกต่างกันตามหมวดสินค้าและบริการถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะจะช่วยวางงบและคาดการณ์ผลลัพธ์ได้แม่นยำขึ้น
💡 เรทโฆษณา Facebook อินโดนีเซีย Full Category Rate Card
เรท CPM ในอินโดนีเซียปี 2025 โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15,000 – 45,000 รูเปียห์อินโด (IDR) หรือประมาณ 35 – 100 บาทไทย แต่จะแตกต่างกันไปตามหมวดหมู่ดังนี้
- E-commerce / Shopping: CPM 18,000 – 40,000 IDR
- เกมและแอปพลิเคชัน: CPM 20,000 – 45,000 IDR
- บริการทางการเงิน: CPM 25,000 – 42,000 IDR
- สุขภาพและความงาม: CPM 15,000 – 38,000 IDR
- สินค้าอุปโภคบริโภค: CPM 14,000 – 32,000 IDR
- การศึกษาและคอร์สออนไลน์: CPM 17,000 – 35,000 IDR
โดยทั่วไปหมวดที่มีการแข่งขันสูงอย่างบริการทางการเงินและเกม จะมี CPM สูงกว่า เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายมีมูลค่าทางธุรกิจสูงและอัตราการแปลงยอดขาย (conversion) ดี
📊 เคล็ดลับใช้เรทโฆษณา Full Category นี้สำหรับแบรนด์ไทย
-
เลือกหมวดหมู่ให้ตรงกับตลาดเป้าหมาย
ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยอย่าง “Srichand” การยิงโฆษณาในหมวดสุขภาพและความงามที่ CPM ต่ำกว่าบริการทางการเงิน จะช่วยประหยัดงบและเพิ่ม reach ได้มากขึ้น -
ใช้ sponsorship ร่วมกับ Influencer อินโดนีเซีย
การจ้างบล็อกเกอร์หรือ micro-influencer อินโดนีเซียที่มีฐานแฟนคลับในกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยเพิ่ม engagement ได้ดีกว่าการยิงโฆษณาเพียว ๆ เพราะได้ทั้งความน่าเชื่อถือและการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ -
ปรับงบ CPM ให้เหมาะกับ ROI
แบรนด์ไทยควรตั้งงบประมาณ CPM ให้สมเหตุสมผล โดยดูจากข้อมูล engagement rate และ conversion rate ที่บันทึกไว้ เช่น แบรนด์อาหารเสริมอย่าง “Blackmores Thailand” ที่เน้นตลาดอินโด สามารถตั้ง CPM ในช่วง 20,000 – 30,000 IDR เพื่อควบคุมต้นทุน -
เลือกช่องทางชำระเงินที่สะดวกสำหรับลูกค้าอินโดนีเซีย
เนื่องจากระบบการชำระเงินของอินโดนีเซียยังนิยมใช้ e-wallets อย่าง OVO, GoPay มากกว่าเครดิตการ์ด แนะนำให้แบรนด์ไทยที่ขายของออนไลน์เปิดรองรับช่องทางเหล่านี้เพื่อเพิ่มโอกาสปิดการขาย
❗ ประเด็นต้องระวังในการทำโฆษณา Facebook อินโดนีเซีย
- กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDP Law) ของอินโดนีเซียค่อนข้างเคร่งครัด ต้องระวังเรื่องการเก็บและใช้ข้อมูลผู้ใช้งานให้ถูกต้อง
- เนื้อหาโฆษณาต้องเหมาะสมกับวัฒนธรรมท้องถิ่น หลีกเลี่ยงภาพหรือข้อความที่อาจถูกมองว่าไม่เหมาะสม
- การใช้ sponsorship ต้องมีการแจ้งอย่างโปร่งใสและชัดเจนตามมาตรฐานของแพลตฟอร์มและกฎหมายท้องถิ่น
### People Also Ask
Facebook โฆษณาในอินโดนีเซียเหมาะกับธุรกิจแบบไหน?
ธุรกิจที่เน้น B2C โดยเฉพาะ e-commerce, เกม, และสุขภาพความงาม เหมาะมากเพราะกลุ่มเป้าหมายใช้งาน Facebook เยอะและมี engagement สูง
CPM Facebook ในอินโดนีเซียเทียบกับไทยต่างกันแค่ไหน?
โดยรวม CPM ในอินโดนีเซียจะถูกกว่าประเทศไทยประมาณ 20-30% ขึ้นกับหมวดสินค้าและกลุ่มเป้าหมาย
sponsorship กับการยิงโฆษณาบน Facebook แบบไหนเวิร์คกว่ากัน?
ถ้าเน้นการสร้างแบรนด์และความน่าเชื่อถือ sponsorship กับ influencer จะช่วยเพิ่ม engagement ได้ดีกว่า แต่ถ้าต้องการรีชจำนวนมากและวัดผลแบบแม่นยำ ยิงโฆษณาแบบตรงเป้าก็ยังจำเป็น
💡 สรุป
ณ เดือนพฤษภาคม 2025 ตลาดโฆษณาบน Facebook ในอินโดนีเซียยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นโอกาสดีสำหรับแบรนด์ไทยที่อยากขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคนี้ การเข้าใจเรทโฆษณาแบบ Full Category จะช่วยให้วางแผนงบประมาณได้ถูกจุดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำโฆษณา
ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของแบรนด์ที่อยากเจาะตลาดอินโด หรือบล็อกเกอร์ที่สนใจสร้างรายได้จาก sponsorship การใช้ข้อมูลเรท CPM และกลยุทธ์การยิงโฆษณาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้การลงทุนโฆษณาของคุณคุ้มค่ามากขึ้น
BaoLiba จะยังคงอัปเดตเทรนด์และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดโฆษณาและการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ใน Thailand อย่างต่อเนื่อง หวังว่าเนื้อหานี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่ทำธุรกิจออนไลน์ในภูมิภาคอาเซียนนะครับ!