ในยุคนี้ Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่นักการตลาดและอินฟลูเอนเซอร์ในไทยใช้กันแบบล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ส่วนตัวหรือทำ Brand Collaboration กับแบรนด์ต่างประเทศอย่างมาเลเซียก็กลายเป็นเทรนด์ฮิตที่ไม่ควรมองข้าม
ณ เดือนพฤษภาคม 2025 นี้ การทำงานร่วมกันระหว่าง Instagram Influencer ในไทยกับแบรนด์มาเลเซียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะสองประเทศนี้มีความใกล้ชิดทางวัฒนธรรมและภาษาที่พอจะสื่อสารกันได้ง่าย รวมถึงตลาดผู้บริโภคที่มีความคล้ายคลึงกันในหลายมิติ วันนี้เราจะมาแฉเคล็ดลับจริงจังแบบสายลึก เพื่อให้พี่ๆ อินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์ไทยได้จับมือกับฝั่งมาเลย์อย่างมือโปร
📢 ภาพรวมตลาด Instagram ในไทยและมาเลเซีย
Instagram ในประเทศไทยถือเป็นช่องทางหลักของอินฟลูเอนเซอร์ยุคใหม่ที่มีผู้ติดตามสูงระดับแสนถึงล้านคน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงานที่ชอบติดตาม Lifestyle, แฟชั่น และ Foodie Content ส่วนมาเลเซียเองก็มีฐานผู้ใช้ Instagram ที่เข้มแข็งไม่แพ้กัน มีแบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง Petronas, AirAsia และ Watsons ที่มักจะใช้ Influencer Marketing เป็นแกนกลางในการโปรโมทสินค้าและบริการ
ข้อดีของการร่วมงานข้ามประเทศในภูมิภาคอาเซียน คือความใกล้เคียงของวัฒนธรรมและพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้เนื้อหาที่สร้างขึ้นมีโอกาสถูกใจทั้งสองฝั่งสูง และยังช่วยให้แบรนด์มาเลเซียสามารถขยายตลาดเข้าสู่ไทยได้ง่ายกว่าเดิม
💡 เทคนิคจับมือแบรนด์มาเลเซียให้ปัง
1. เข้าใจ Payment Method และสกุลเงิน
การจ่ายเงินค่าจ้างอินฟลูเอนเซอร์จากมาเลเซียมาไทย ต้องรู้จักระบบโอนเงินข้ามประเทศที่สะดวกและปลอดภัย เช่น การใช้ TransferWise, PayPal หรือระบบโอนผ่านธนาคารที่รองรับ Ringgit มาเป็น Baht (THB) การตั้งราคาค่าจ้างควรคิดจากเรทเงินไทย แต่เจรจาให้ชัดเจนเรื่องค่าโอนและภาษีที่อาจเกิดขึ้น
2. เลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่ตอบโจทย์ตลาดมาเลย์
ไม่ใช่ว่าคนไทยดังในไทยแล้วจะปังในมาเลย์ด้วยเสมอไป ต้องดูว่าอินฟลูเอนเซอร์คนนั้นมีความสามารถสร้าง Content ที่สอดคล้องกับรสนิยมและวัฒนธรรมมาเลเซียไหม เช่น ถ้าเป็นสายแฟชั่น อาจต้องเข้าใจเทรนด์ที่มาเลย์นิยม หรือสายอาหารต้องคำนึงถึงความชอบของคนมาเลย์
3. รู้กฎหมายและวัฒนธรรมโฆษณา
ต้องเข้าใจกฎหมายการโฆษณาของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการเปิดเผยว่าเป็น Sponsored Content ใน Instagram รวมถึงการเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น มาเลเซียมีชาวมุสลิมจำนวนมาก ดังนั้นการโปรโมทสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวกับอาหาร ต้องมั่นใจว่าเหมาะสมและไม่ขัดต่อกฎศาสนา
📊 เคสตัวอย่างไทย x มาเลย์
-
แบรนด์เครื่องสำอางไทย Karmart เคยจับมือกับอินฟลูเอนเซอร์มาเลเซียเพื่อโปรโมทสินค้าผ่าน Instagram Live โดยใช้ระบบจ่ายเงินผ่าน PayPal และจัด Campaign แบบสองภาษา ไทย-อังกฤษ ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 30% ในไตรมาสเดียว
-
อินฟลูเอนเซอร์สายไลฟ์สไตล์อย่างคุณ “ใบเตย ดิจิทัล” ก็รับงานกับแบรนด์เสื้อผ้ามาเลย์ชื่อดังอย่าง FashionValet โดยเน้นทำรีวิวสั้นๆ ที่เข้าใจง่ายและมีการใช้ภาษาอังกฤษปนมาเลย์เล็กน้อย เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งสองฝั่ง
❗ ความท้าทายและข้อควรระวัง
-
เวลาทำงานร่วมกันข้ามประเทศ ต้องระวังเรื่องความชัดเจนในสัญญาและเงื่อนไข รวมไปถึงการกำหนด KPI ที่จับต้องได้ เช่น จำนวน Reach, Engagement หรือยอดขาย
-
เรื่องภาษีและการรายงานรายได้ระหว่างประเทศ เป็นอีกเรื่องที่ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญให้ดี เพราะหากไม่ทำตามกฎหมายอาจโดนปรับหนัก
-
อย่าลืมเรื่อง Time Zone และเวลาทำงานที่อาจไม่ตรงกัน ควรตั้งระบบสื่อสารที่ชัดเจน เช่น ใช้ LINE Group หรือ Slack เพื่ออัปเดตสถานะงานกันแบบเรียลไทม์
### People Also Ask
Instagram Influencer ในไทยจะเริ่มหางานกับแบรนด์มาเลเซียได้ยังไง?
เริ่มจากสร้าง Portfolio ที่ชัดเจน และใช้แพลตฟอร์มกลางเช่น BaoLiba ที่มีฐานข้อมูลแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ในอาเซียน จากนั้นเสนองานและเจรจาเรื่องค่าตัว พร้อมตรวจสอบความถูกต้องของสัญญา
การรับเงินค่าจ้างจากแบรนด์มาเลเซียต้องทำอย่างไร?
ส่วนใหญ่ใช้ระบบโอนเงินออนไลน์ เช่น PayPal หรือ Wise เพื่อแปลงสกุลเงิน Ringgit มาเป็นบาท ควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมและภาษีที่อาจเกิดขึ้น
ต้องระวังอะไรบ้างเมื่อลงงานกับแบรนด์มาเลเซีย?
เรื่องกฎหมายการโฆษณาและวัฒนธรรมเป็นหัวใจสำคัญ หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่อาจขัดแย้งกับศาสนาและวัฒนธรรมท้องถิ่น นอกจากนี้ ต้องทำความเข้าใจเรื่องสัญญาและการชำระเงินให้ชัดเจน
📢 สรุปส่งท้าย
การที่ Instagram Influencer ในไทยจะร่วมมือกับแบรนด์จากมาเลเซียไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งเรื่องวัฒนธรรม การสื่อสาร และระบบการจ่ายเงิน รวมถึงความเข้าใจในกฎหมายและพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งสองประเทศ
BaoLiba จะคอยอัปเดตเทรนด์และเทคนิคการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ในไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้พี่ๆ อินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์ได้จับมือกันเปรี้ยงปร้างในเวทีโลก อย่าลืมติดตามกันนะครับ!