ถ้าเอ่ยถึงโลกการตลาดออนไลน์ยุคนี้ YouTube ถือเป็นแพลตฟอร์มทองสำหรับ Influencer ใน Thailand ที่อยากโกอินเตอร์กับ Brand จาก United States แต่จะทำยังไงให้ Collaboration สองฝั่งนี้ปังจริงและไม่โดนกินเรียบ? บทความนี้จะเล่าให้ฟังแบบเจาะลึก ตั้งแต่กลยุทธ์การทำงาน วิธีรับเงิน ยันเรื่องกฎหมายที่ต้องรู้ ณ วันที่ 2025年5月 นี่คือคู่มือสำหรับ YouTube Influencer ไทยที่อยากจับมือกับแบรนด์อเมริกาแบบมือโปร
📢 ทำไม YouTube Influencer ไทยถึงน่าสนใจสำหรับ Brand สหรัฐอเมริกา
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าตลาดผู้บริโภคใน US ใหญ่และหลากหลายมาก แต่แบรนด์หลายๆ เจ้าเริ่มหันมาเจาะตลาดไทยและอาเซียนเพิ่มขึ้น เพราะ Thai YouTube Influencer มักสร้างคอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์ เข้าถึงง่าย และฐานแฟนคลับเหนียวแน่น อย่างเช่นบรรดา Creator อย่าง Kaykai Salaider หรือ My Mate Nate ที่มีแฟนคลับหลายล้านคน ซึ่งทำให้แบรนด์ US เห็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ Thailand ยังเป็นตลาดที่ชาวต่างชาติสนใจมากขึ้น เพราะการเติบโตของอินเทอร์เน็ตและการใช้สมาร์ทโฟนสูง สะท้อนให้เห็นว่าการใช้ YouTube เป็นช่องทางโปรโมทสินค้าหรือบริการมีประสิทธิภาพสูง
💡 วิธีเริ่มต้น Collaboration แบบมือโปร
1. เข้าใจวัฒนธรรมและกฎเกณฑ์ของสองฝั่ง
การจะทำงานกับ Brand จาก US ไม่ใช่แค่การทำคอนเทนต์สวยๆ แต่ต้องเข้าใจระเบียบการโฆษณาของทั้งสองประเทศ เช่น ใน Thailand ต้องระวังเรื่องการโฆษณาอาหารและเครื่องดื่มที่มีข้อจำกัดจาก อย. ส่วน US มีกฎหมาย FTC (Federal Trade Commission) ที่เข้มงวดเรื่องการเปิดเผย Sponsored Content
2. เลือกแพลตฟอร์มจัดการ Collaboration ที่เชื่อถือได้
BaoLiba เองก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ Influencer ไทยจับมือกับ Brand ต่างประเทศได้ง่ายขึ้น มีระบบจัดการ Contract, Payment และ Reporting ที่ตอบโจทย์ตลาดไทย-US โดยเฉพาะ
3. จัดการเรื่องเงินและภาษีให้โปร่งใส
คนไทยรับเงินจากต่างประเทศส่วนใหญ่จะใช้ช่องทางอย่าง PayPal, Payoneer หรือโอนผ่านธนาคารต่างประเทศ (SWIFT) โดยต้องแปลงเป็นบาท (THB) ซึ่งต้องระวังเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ Influencer ต้องเตรียมเรื่องภาษีให้เรียบร้อยตามกฎหมายไทย เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และแจ้งรายได้จากต่างประเทศอย่างถูกต้อง
4. สร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ทั้งสองตลาด
Influencer ควรทำการบ้านว่ากลุ่มเป้าหมายใน US และ Thailand สนใจอะไร เพื่อให้การนำเสนอสินค้าแบรนด์ US ผ่าน YouTube ตรงใจคนดูทั้งสองฝั่ง ตัวอย่างเช่น การทำวิดีโอรีวิวที่มีซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษและไทย หรือใส่ Touch ของวัฒนธรรมไทยเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ
📊 ตัวอย่างความสำเร็จของ Influencer ไทยกับ Brand US
-
Kaykai Salaider x Sephora US
Kaykai เคยร่วมงานกับ Sephora แบรนด์เครื่องสำอางระดับโลกโดยทำคลิปแนะนำเมคอัพที่ฮิตใน US พร้อมบอกเทคนิคให้เข้ากับผิวไทย ทำให้แบรนด์ US ขยายฐานลูกค้าใน Southeast Asia ได้มากขึ้น -
My Mate Nate x Nike US
Nate ใช้ความเป็น YouTuber มุมมองต่างชาติที่อยู่ใน Thailand ทำวิดีโอโปรโมทรองเท้า Nike รุ่นใหม่ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนไทยและนักท่องเที่ยว ทำให้แบรนด์ได้รับ Engagement สูง
❗ เรื่องที่ต้องระวังในการทำ Brand Collaboration
-
การเปิดเผยความสัมพันธ์ทางธุรกิจ (Disclosure)
ต้องแสดงให้ชัดเจนว่าเป็น Sponsored Content ตามกฎ FTC และ กสทช. ไทย เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ -
ลิขสิทธิ์เพลงและภาพ
ต้องใช้เพลงและภาพที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องหรือได้รับอนุญาต เพื่อป้องกันปัญหาลงโทษจาก YouTube -
ความแตกต่างทางภาษาและวัฒนธรรม
บางคำหรือสัญลักษณ์ที่ใช้ใน US อาจไม่เหมาะกับตลาดไทย หรืออาจสื่อความหมายผิด ควรตรวจสอบให้ดี
### People Also Ask
YouTube Influencer ไทยจะเริ่มหางานกับ Brand US อย่างไร?
เริ่มจากสร้าง Portfolio ที่ชัดเจน มีผลงานเด่นๆ ลงในแพลตฟอร์ม Influencer Marketing อย่าง BaoLiba จากนั้นสมัครร่วมแคมเปญหรือเสนอโปรเจกต์ตรงกับ Brand ที่สนใจ
การรับเงินจาก Brand US มีวิธีไหนบ้างที่ปลอดภัยและสะดวก?
ช่องทางยอดนิยมคือ PayPal, Payoneer และโอนผ่านธนาคาร SWIFT ควรเลือกช่องทางที่ค่าธรรมเนียมต่ำ และสามารถแปลงเป็นเงินบาทได้ง่าย
ต้องระวังอะไรบ้างเมื่อทำงานกับ Brand สหรัฐอเมริกา?
ต้องระวังเรื่องกฎหมายโฆษณา, การเปิดเผย Sponsored Content, และการใช้ลิขสิทธิ์ รวมถึงต้องเข้าใจวัฒนธรรมทั้งสองฝั่งเพื่อสื่อสารได้ตรงใจผู้ชม
สรุปแล้ว YouTube Influencer ใน Thailand มีโอกาสทองที่จะร่วมงานกับ Brand จาก United States ด้วยการเตรียมตัวที่ดี เข้าใจทั้งเรื่องการตลาด วัฒนธรรม และกฎหมาย รวมถึงใช้เครื่องมือจัดการ Collaboration ที่ครบวงจรแบบ BaoLiba เพื่อให้การทำงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
BaoLiba จะยังคงติดตามและอัปเดตเทรนด์การตลาดและการร่วมงานกับ Influencer ใน Thailand อย่างต่อเนื่อง ฝากติดตามกันด้วยครับ!
